PANTONE
ระบบสีที่มีมาตรฐานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก การพิมพ์งานผลงานที่ได้ออกมาเหมือนกันอย่างสมบูรณ์แบบ เรากำลังพูดถึงระบบสี PANTONE ที่วงการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านเทคโนโลยี แฟชั่น สื่อสิ่งพิมพ์ งานศิลปะ หรือดีไซเนอร์ต่างใช้ระบบสี PANTONE กันอย่างมาก วันนี้เรามาศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบสี PANTONE คืออะไร PANTONE ว่ามีต้นกำเนิดจากอะไร ด้วยคุณสมบัติพิเศษอะไรทำไมถึงเป็นระบบสีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเลย มาค่ะ มาหาคำตอบกันจากบทความด้านล่างนี้
PANTONE คืออะไร
PANTONE หรือที่เราเรียกว่า Pantone Matching System (PMS) คือ มาตรฐานของระบบสีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยระบบ Pantone จะได้สีของสิ่งพิมพ์ออกมาเหมือนกัน 100% เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการพิมพ์ทุกครั้งเหมือนจริงอย่างสมบูรณ์แบบ
PANTONE มาจากชื่อบริษัทที่ตั้งในรัฐนิวเจอรซีย์ อเมริกา ทำธุรกิจเกี่ยวกับสีด้านงานพิมพ์ทุกชนิดที่ต้องการความสมบูรณ์ในการกำหนดค่าก่อนพิมพ์ Pantone ที่ใช้กันทั่วไปคือ PANTONE SOLID COLOR หรือเรียกอีกอย่างว่า PANTONE SPOT COLOR หรือสีพิเศษนำมาใช้สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดสมบูรณ์แบบ
และในปี 2000 เป็นต้นมา Pantone Color Institute ได้ประกาศสีเรียกว่าเป็น Color of the Year เป็นเทรนดสีที่มาจากการคาดการณ์แนวโน้มสีทั่วโลก พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวที่กำลังจะเป็นไปของโบกนี้ด้วยความหมายแฝงในสี และมักจะถูกใช้ในการกำหนดทิศทางในการใช้สีในหลายแง่มุมเพื่อการสื่อสารและบ่งบอกความเป็นตัวตนของงานศิลปะได้อย่างดี
สำหรับ Color of the year 2020 ได้ปรากฏออกมาเป็นสี Classic Blue จากค่าสี PANTONE 19-4052 โดยได้ให้นิยามกับสีนี้ว่า ความสงบ ความเชื่อมั่น การเชื่อมต่อ เฉดสีน้ำเงินแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ มันเป็นสีที่คาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลายามเย็น ซึ่งคำพูดนี้กล่าวโดย Laurie Pressman ผู้บริหารของ Pantone ผู้อยู่เบื้องหลังของการเลือกสีประจำปี
กำเนิด PANTONE
การเริ่มต้นจากการทำธุรกิจด้านการพิมพ์ของบริษัทโฆษณา M& J Levine ในปี 1950 ต่อมาปี 1956 สองพี่น้องผู้บริหาร Mervin และ Jesse Levine ได้ให้บัณฑิตจาก Hofstra University ชื่อ Lawrence Herbert เข้าทำงาน โดยนาย Herbert ได้ใช้ความรู้ด้านเคมีในการจัดระบบเพื่อลดความซับซ้อนของคลังสินค้าของบริษัทในการจัดเก็บผงสี ต่อมาจึงได้ทำงานในแผนกหมึกและการพิมพ์ เขาจึงซื้อทรัพย์สินเทคโนโลยีของบริษัทจากสองพี่น้องขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อเป็น Pantone ในเวลาต่อมา
ผู้ก่อตั้ง PANTONE คือ Lawrence Herbert เล็งเห็นว่าทางแก้ปัญหาในกระบวนการทำงานกับสี เพื่อให้แต่ละฝ่ายทำงานได้ง่ายขึ้นและได้ผลงานที่ตรงตามความต้องการนำมาสู่ PANTONE MATCHING SYSTEM สมุดที่เข้ามาเป็นมาตรฐานในการระบุสี แมทซ์สี รวมถึงเป็นภาษาสากลของสีที่คุยกันได้ทั่วโลก
จากนั้น PANTONE ก็ได้เผยแพร่ PANTONE MATCHING SYSTEM ไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้สี เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล แฟชั่น สถาปัตยกรรม งานศิลปะ จนถึงปัจจุบันชื่อของ PANTONE เป็นที่รู้จักทั่วโลกและถูกนำมาเป็นภาษาแม่ของสีในหมู่มวลดีไซเนอร์ ผู้ผลิต ผู้ค้า และลูกค้า ปัจจุบัน แพนโทนกลายเป็นมาตรฐานสีที่มีคนใช้กันมากที่สุดทั่วโลก เป็นเสมือนภาษาที่ไว้สื่อสารกันเมื่อต้องทำงานเกี่ยวกับสีระหว่างหลายฝ่าย ทั้งนักออกแบบหรือโรงพิมพ์ ทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าสีที่ต้องการคือสีอะไร สีเดียวกันถูกต้องหรือไม่
Pantone Color Matching System (ระบบการจับคู่สี)
มาตรฐานในการเทียบสีที่นิยมใช้กัน ตามมาตรฐานสีต่างโรงงาน ต่างสถานที่ อ้างอิงระบบสีแพนโทนเพื่อมั่นใจว่าเป็นสีที่ถูกต้อง หนึ่งในนั้น คือมาตรฐานสี CMYK เป็นระบบการพิมพ์สีโดยใช้หมึก 4 สีประกอบด้วย สีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีดำ โดยงานด้านการพิมพ์ที่นิยมใช้ระบบสี CMYK ระบบสีแพนโทนยังสามารถใช้กับสีพิเศษอื่นเช่น เมทัลลิก และ ฟลูออเรสเซนต์
ต่อมาในปี 2001 แพนโทนได้แปลงระบบสีโดยใช้พื้นฐานของสีจอแสดงผล เรียกว่า RGB โมเดล ประกอบด้วยสีแดง สีเขียว สีฟ้า ผสมกันให้เกิดสีที่แตกต่าง ซึ่งสีแพนโทนสามารถอธิบายโดยใช้ตัวเลข อย่างเช่น PMS 130 ระบบสีแพนโทนมักถูกใช้ในการสร้างตราสินค้า ในด้านของงานรัฐบาลมักจะใช้เป็นสีของธงชาติและตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ แม้กระทั่งองค์กร FIA ก็ยังใช้สีแพนโทนในการอ้างอิง
ตลาดและสินค้าของ PANTONE
นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสีแล้ว PANTONE ยังผลิตสินค้าและบริการของตัวเองอีกมากมาย โดยจะมีสินค้าที่มี License ของ Pantone เองออกจำหน่ายทั่วโลกเช่น งาน Graphic Arts, Fashion, Home, Interior, Paint, Plastics และ Consumer markets.
PANTONE กับ CMYK
ตามที่ทราบกันดีว่า CMYK คือระบบสีใช้งานพิมพ์ที่มี 4 สี เป็นองค์ประกอบหลัก คือ
- C >> Cyan
- M >> Magenta
- Y >> Yellow
- K >> Key-Black
ที่ผสมกันมาเป็นสีต่าง ๆ แต่เมื่อส่องขยายดูงานพิมพ์ด้วยระบบ CMYK จะพบจุดสีเล็ก ๆ มาผสมกัน แตกต่างจาก Spot Color ของ PANTONE ที่จะเป็นสีนั้น ๆ เลย 100% ไม่ได้เกิดจากการผสมสีเหมือน CMYK ด้วยสีจาก Spot Color จะมีความคมชัดและได้สีที่อิ่มกว่า
ในส่วนของการพิมพ์ สีพิเศษจะต้องเป็นของ PANTONE ที่ให้สีเพี้ยนน้อยลง ระบบ PANTONE จึงมีขึ้นเพื่อทดแทนสีที่ CMYK ไม่สามารถพิมพ์ได้ ดังนั้นถ้าต้องการให้งานออกมาเสมือนจริง 100% ต้องใช้สีพิเศษเป็นตัวช่วยสำคัญ แต่ถ้าใครไม่ได้ต้องการความเสมือนจริงมากนักระบบสี CMYK ก็ถือว่าเป็นระบบที่ดีมากระบบหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าหากใครสนใจเกี่ยวกับระบบสี PANTONE เพิ่มเติมสามารถขอคำปรึกษาแนะนำได้ที่โรงพิมพ์ JPRINT ได้เลย เพราะเราคือโรงพิมพ์ระบบออฟเซ็ทที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์ต่าง ๆ ทุกชนิด ทั้งการออกแบบ การวางโครงสร้าง การวางระบบสีของงานพิมพ์อย่างมืออาชีพเพื่องานพิมพ์ของลูกค้าทุกท่านออกมาสวยภาพคมชัดสมบูรณ์แบบ และหากท่านสนใจเข้าชมผลงานของเราก่อนได้ที www.jprint.co.th ตลอด 24 ชั่วโมง เราชาว JPRINT ยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยความจริงใจและความรับผิดชอบต่องานพิมพ์ของท่านให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดทุกประการ